ประวัติ ของ เส้า เหม่ยฉี

เส้า เหม่ยฉี เป็นนักเรียนศึกษาที่ English Chamber of Commerce หอการค้าเกาลูน และโรงเรียนภาษาอังกฤษแห่ง "เวลลิงตัน"หลังจากเรียนจบ เธอได้เป็นพยาบาลในสำนักงานแพทย์แห่งหนึ่ง ต่อมาเพื่อนของเธอชวนเธอไปเป็นเพื่อน เพื่อสมัครเข้ารับการฝึกอบรมเป็นนักแสดงของสถานีโทรทัศน์ทีวีบี แต่ครูสอนการแสดงมาเห็นเธอเข้าและสดุดตากับใบหน้าที่งดงามของเธอแแบบลูกครึ่ง จึงขอให้เธอส่งแบบฟอร์มใบสมัครเป็นนักแสดงมาด้วย เป็นผลให้เธอเป็นทั้งพยาบาลและนักแสดงในช่วงแรกแต่ต่อมาเธอก็ได้ลาออกจากอาชีพพยาบาล มาเป็นนักแสดงอย่างเต็มตัว

เข้าสู่วงการ

เส้าเหม่ยฉี ก้าวเข้าสู่โรงเรียนสอนการแสดงของสถานีโทรทัศน์ทีวีบี ในปีพ.ศ. 2527 ในรุ่นเดียวกันกับเธอมี เติ้ง ชุ่ยเหวิน, หลี เหม่ยเสียน, กัวฟู่เฉิง และ เฉิน ถิงเหว่ย ในช่วงที่กำลังเรียนการแสดงอยู่ด้วยหน้าตาที่โดดเด่นเหมือนลูกครึ่ง ทำให้เธอได้มีโอกาสได้เล่นมิวสิกวิดีโอเพลง "Love is gone" ของ จาง เซียะโหย่ว ทันทีหลังจากเรียนจบการแสดงที่โรงเรียนสอนการแสดงของสถานีโทรทัศน์ทีวีบี เธอก็ได้เซ็นสัญญาเป็นนักแสดงของ ทีวีบี และเริ่มต้นการเข้าสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัว

แรกเริ่มวงการ เพื่อนร่วมรุ่นอย่าง "เติ้ง ชุ่ยเหวิน" ถูกผลักดันให้เป็นนางเอก โดยทันที แต่สำหรับ เธอมักจะได้บทตัวประกอบเสมอ เป็นเพราะหน้าตาและรูปร่างเลือดผสม จึงทำให้เธอดูเหมือนเป็นผู้หญิงต่างชาติ ซึ่งในตอนนั้นหน้าตาแบบลูกครึ่งยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก ทีวีบีจึงผลักดันเธอให้รับบทตัวประกอบไปก่อน เพื่อดูผลตอบรับจากผู้ชม ผลงานเรื่องแรกในชีวิตของเธอ เป็นตัวประกอบในละครทีวีเรื่อง "เทพบุตรทรนง" ที่มี เหลียงเฉาเหว่ย และดาราสาวชื่อดัง องเหม่ยหลิง นำแสดง ส่วนผลงานตัวประกอบที่เด่นๆ ในช่วงแรกของเธอ ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2528-2530 อาทิเช่น ขุนศึกตระกูลหยาง, กำเนิดเจ้าแม่กวนอิม, นางพญาหน้าด่าง, ฮ่องเต้เจ้าสำราญ, ซิกัง จอมพยศ,เจ้าชายแฝด, ค่าแห่งชีวิต, เลือดอำมหิต "The Conspiracy" เป็นต้นแต่บทตัวประกอบที่โดดเด่นและแฟนๆ ชอบมากที่สุดของเธอคือบท "เสี่ยวเจียว" จากเรื่อง "ดาบมังกรหยก ตอน เทพบุตรมังกรฟ้า" ในปีพ.ศ. 2529 ที่มี เหลียง เฉาเหว่ย รับบทเป็น เตียบ่อกี้[3]

ช่วงประสบความสำเร็จสูงสุด

จากผลตอบรับที่ดีของผู้ชมละคร ทำให้ในปีพ.ศ. 2531 เธอเริ่มได้แสดงนำเป็นนางเอกทั้งเรื่อง "ดาวประกาศิต" 《旭日背後》เล่นคู่กับ หลิว เต๋อหัว และเรื่อง ศึกชิงบัลลังค์ 《兵權》เล่นคู่กับ หลี่หมิง ต่างทำให้เธอมีชื่อเสียงเพิ่มขึ้นมาในระดับหนึ่งจนกระทั่งถึงปีพ.ศ. 2532 ละครโทรทัศน์ยอดนิยมเรื่อง "คู่แค้นสายโลหิต" ได้ทำให้เธอได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก ในการเล่น กับ "เวินเจ้าหลุน" ในบท "เจ้า เจี่ยหมิ่น" ถึงแม้ละครเรื่องนี้เธอจะไม่ได้รับบทเป็นนางเอก แต่บทที่เธอได้รับนั้นกลับโดดเด่นและทำให้ผู้ชมละคร สงสารตัวละครตัวนี้มาก โดยเฉพาะกับฉากที่เธอถูกฆาตกรรมโดยการถูกผลักตกรถไฟจากคนรักของเธอ ซึ่งทำให้ผู้ชมละครในตอนนั้นจำนวนมากลืมไม่ลงกับฉากนี้ และยังเป็นหนึ่งในฉากของละครเรื่องนี้ที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในตอนที่ออกฉาย และละครเรื่องนี้ก็ทำให้ทั้งเธอ, หลิวเจียหลิง และ โจว ไห่เม่ย โด่งดังเป็นอย่างมาก

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เธอกลายเป็นนักแสดงหญิงอันดับต้น ๆ ของสถานีโทรทัศน์ทีวีบี และได้มีโอกาสนำแสดงในซีรีส์ทีวีหลายต่อหลายเรื่อง ด้วยความที่เธอมีโครงหน้าที่ชัดเจนแบบลูกครึ่ง และมีสายตาที่ลึก รวมถึงรูปลักษณ์ภายนอกแบบสาวตะวันตกเล็กน้อย เธอจึงมีภาพลักษณ์ทั้งแบบสาวสมัยใหม่และร่วมสมัย ทำให้เธอถูกเรียกจากแฟนๆละครว่า "Little Jenny"

ความสำเร็จต่อเนื่อง

ในปีพ.ศ. 2533 ละครเรื่อง "เลือดเจ้าพ่อ" ได้ออนแอร์ และทำให้ เส้าเหม่ยฉี โด่งดังเป็นอย่างมาก กับบทนักข่าวสาว เล่นประกบคู่กับ "เวิน เจ้าหลุน" ทำให้ทั้งสองกลายเป็น "คู่ขวัญแห่งปี" ในช่วงต้นยุค 90s ทันที บทบาทในเรื่องนี้ทำให้เธอมีภาพลักษณ์เป็นหญิงสาวที่รักอิสระและทันสมัย รวมทั้งแฟชั่นการแต่งตัวและทรงผมซอยสั้นของเธอ ทำให้ผู้หญิงฮ่องกงหลายคนในตอนนั้น ต่างตัดผมสั้นและแต่งตัวเลียนแบบเธอ

ปีต่อมาพ.ศ. 2534 เนื่องจากความสำเร็จเป็นอย่างสูงของละคร "เพื่อนรักเพื่อนแค้น" เป็นช่วงที่ เส้าเหม่ยฉี ได้รับความนิยมถึงจุดสูงสุดในอาชีพของการเป็นนักแสดงของเธอ และยังได้รับคำชมว่า เป็นผลงานที่ดีที่สุดของเธออีกด้วย ทำให้ในปีนั้น เธอคว้ารางวัล "นักแสดงยอดนิยมสูงสุดประจำปี" Top 10 TV Artists (อันดับหนึ่ง) ของงานรางวัล TV Awards 1991 มาครองได้สำเร็จ

ในช่วงปีพ.ศ. 2535-2537 ชื่อเสียงของเธอยังคงได้รับความนิยมต่อเนื่อง และยังคงเป็นดาราหญิงเบอร์ต้น ๆ ของสถานีโทรทัศน์ทีวีบีอยู่ ผลงานเด่น ๆ ของเธอในช่วงนี้ อาทิเช่นละครเรื่องประกาศิตเพชรฆาตสาว《藍色風暴》, สายเลือดอำมหิต《龍的天空》, มือปราบมังกรโหด《九反威龍》,จ้าวพยัคฆ์เซี่ยงไฮ้ 《梟情》และ ไฟอารมณ์ 《第三類法庭》.[4][5]

ความนิยมลดลง

ในปีพ ศ. 2537 หลังจากละครเรื่อง "ไฟอารมณ์" 《第三類法庭》 ชื่อเสียงของเธอก็เริ่มลดลงไปเรื่อยๆ โดยในช่วงนี้เธอจะไปดังในทางข่าวฉาวเรื่องส่วนตัวและเรื่องความรักของเธอมากกว่าดังทางด้านละคร โดยในช่วงนี้เธอซูบผอมเป็นอย่างมาก จนมีข่าวว่าเธอมีปัญหาสุขภาพเป็น แอลกอฮอล์ลิซึ่ม ติดเหล้าอย่างหนัก และยังเกิดปัญหาขัดแย้งกับผู้จัดการส่วนตัวอีกด้วย แต่ต่อมาเธอตัดสินใจเข้าทำการรักษาและพักฟื้น และยังคงรับงานแสดงบ้าง เป็นช่วง ๆ แต่ไม่สามารถแสดงละครได้อย่างเต็มที จนกระทั่งเธอรักษาตัวหายและพร้อมที่จะกลับเข้ามาวงการบันเทิงอย่างเต็มที่อีกครั้ง

แต่น่าเสียดายที่ในช่วงปีพ.ศ. 2538 เธอไม่สามารถกลับมาโด่งดังได้อีกครั้ง เพราะช่วงนั้นมีการเกิดขึ้นของดาราใหม่มากมาย อาทิเช่น เฉินฮุ่ยซัน, จางเข่ออี้, ไช่เส้าเฟิน, หวีซือมั่น,กัวเข่ออิง และ กัวอ้ายหมิง ตลอดจนอายุที่มากขึ้นของเธอ และปัญหาส่วนตัวเรื่องอื่น ๆ อีกทั้งบทบาทของเธอที่ได้รับ ก็ไม่โดดเด่นเหมือนในอดีต ทำให้จากดาราหญิงเบอร์ต้น ๆ ของสถานีโทรทัศน์ทีวีบี กลายมาเป็น นักแสดงหญิงเบอร์รอง ๆ แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่เคยบ่นและยังคงเล่นละครทีวี ออกมาให้ผู้ชมได้ดูอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน.

ปัจจุบันเธอยังคงรับงานแสดงทั้งละครโทรทัศน์และภาพยนตร์ อยู่ และมีผลงานมากมายที่ได้รับรางวัล ถึงแม้จะไม่โด่งดัง เหมือนในอดีตก็ตาม แต่เธอก็ถูกจดจำในฐานะ หนึ่งใน อดีตนักแสดงหญิงชาวฮ่องกงที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก.

ใกล้เคียง

เส้าหลิน สุดยอดพลังแห่งเพลงมวย เส้า เหม่ยฉี เส้าหลิน สองใหญ่ เส้าหลินโชว์ดาวน์ (วิดีโอเกม) เส้า ซือ เส้าหลิน เส้าหลิน (แก้ความกำกวม) เส้าซิง เจ้าคุณพระประยุรวงศ์ เจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี

แหล่งที่มา

WikiPedia: เส้า เหม่ยฉี http://m.mtime.cn/#!/person/939199/ http://www.hkmdb.com/db/people/view.mhtml?id=7771&... http://www.imdb.com/name/nm0803308/ http://gossipstar.mthai.com/hollywood/inter/49356 http://popcornfor2.com/m/detail?id=26553 http://weibo.com/n/%E9%82%B5%E7%BE%8E%E7%90%AA%E7%... http://www.weibo.com/u/3148275822 http://www.maggieshiu.net http://oknation.nationtv.tv/blog/hardcorelawyer/20... http://oknation.nationtv.tv/mblog/entry.php?id=953...